home.kku.ac.th การคำนวณปริมาตรน้ำ
การคำนวณปริมาตรน้ำ
Calculation of the Amount of Water
Calculation of the Amount of Water
ในการคำนวณปริมาตรน้ำควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับหน่วยของปริมาตรน้ำ หน่วยของความยาว และหน่วยของพื้นที่ ดังนี้ |
หน่วยของปริมาตรน้ำ
1 ลูกบาศก์เมตร หรือ 1 ตัน หรือ 1 คิว
|
= 1,000 ลิตร
|
1 ลิตร
|
= 1,000 มิลลิลิตร
|
1 มิลลิลิตร
|
= 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ ซีซี (cc)
|
1 แกลลอน (gallon) - อเมริกัน
|
= 3.78 ลิตร
|
1 แกลลอน (gallon) - อังกฤษ
|
= 4.55 ลิตร
|
การวัดความยาว
1 เซนติเมตร
|
= 10 มิลลิเมตร
|
1 เมตร
|
= 100 เซนติเมตร
|
1 กิโลเมตร
|
= 1,000 เมตร
|
พื้นที่
1 ไร่ (Rai)
|
= 1,600 ตารางเมตร
|
1 ตารางเมตร
|
= 10,000 ตารางเซนติเมตร
|
1 ตารางกิโลเมตร
|
= 625 ไร่
|
1 เอเคอร์ (
|
= 2.5 ไร่
|
1 เฮกตาร์ (Hectare)
|
= 100 เอเคอร์ หรือ
|
ตัวเต็ม
มิลลิเมตร
|
ตัวย่อ
มม.
|
ตัวเต็ม
millimeter
|
ตัวย่อ
mm
|
เซนติเมตร | ซม. | centimeter | cm |
เมตร | ม. | meter | m |
กิโลเมตร | กม. | kilometer | km |
ตารางเซนติเมตร | ตร.ซม. | square centimeter | sq cm, cm2 |
ตารางเมตร | ตร.ม. | square meter | sq m, m2 |
ตารางกิโลเมตร | ตร.กม. | square kilometer | sq km, km2 |
ลูกบาศก์เซนติเมตร ซีซี | ลบ.ซม. cc | cubic centimeter | cu cm, cc, cm3 |
milliliter | ml | ||
ลูกบาศก์เมตร | ลบ.ม. ม.3 | cubic meter | cu m, m3 |
ลิตร | ล. | liter | l |
gallon | gal | ||
acre | ac | ||
hectare | ha | ||
gram | g | ||
kilogram | kg |
สูตรในการคำนวณหาปริมาตรน้ำ (ที่นิยมใช้ตามหลักสากล) 1. ในภาชนะสี่เหลี่ยม เช่น บ่อเลี้ยงปลา ตู้กระจก (ตู้ปลา) บ่อซิเมนต์ (บ่อคอนกรีต) ปริมาตรน้ำ = กว้าง X ยาว X สูง (ความลึก) หรือ = พื้นที่ (พื้นที่ปากบ่อ) X สูง (ความลึก) 2. ในภาชนะกลม เช่น โหลแก้ว บ่อซิเมนต์กลม (บ่อคอนกรีตกลม) ปริมาตรน้ำ = ¶ x r2 x h เมื่อ ¶ = 22/7 r = รัศมีของวงกลม (ครึ่งหนึ่งของเส้นผ่าศูนย์กลาง) h = ความลึก (ความสูงของระดับน้ำที่จะใส่ในบ่อ) |
ตัวอย่างการคำนวณ 1. ตู้เลี้ยงปลา ขนาดกว้าง
จากสูตร ปริมาตรน้ำ = กว้าง X ยาว X สูง (ความลึก)
ปริมาตรน้ำในตู้ปลา = 40 X 90 X 40
= 144,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ทำให้เป็นลิตร 1 ลิตร = 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร (มิลลิลิตร)
ปริมาตรน้ำในตู้ปลา = 144,000 / 1,000 ลิตร
= 144 ลิตร
ทำให้เป็นลูกบาศก์เมตร 1 ลูกบาศก์เมตร = 1,000 ลิตร
ปริมาตรน้ำในตู้ปลา = 144 / 1,000 ลูกบาศก์เมตร
= 0.144 ลูกบาศก์เมตร
นั่นคือ ตู้ดังกล่าวใส่น้ำได้
2. บ่อซีเมนต์สี่เหลี่ยม ขนาด กว้าง 4 เมตร ยาว 10 เมตร ใส่น้ำได้ลึก 80 เซนติเมตร
จากสูตร ปริมาตรน้ำ = กว้าง X ยาว X สูง (ความลึก)
บ่อจะมีปริมาตร = กว้าง X ยาว X ลึก
= 4 X 10 X 0.80 ลูกบาศก์เมตร
= 32 ลูกบาศก์เมตร
นั่นคือ บ่อซีเมนต์ดังกล่าวใส่น้ำได้
3. บ่อเลี้ยงปลา (บ่อดิน)
3.1 เมื่อบอกขนาดบ่อเป็นจำนวนไร่ บ่อเลี้ยงปลาขนาด 3 ไร่ ใส่น้ำได้ระดับสูง
จากการบอกขนาดของบ่อปลาเท่ากับ 3 ไร่
เนื้อที่ 1 ไร่ เท่ากับ 1,600 ตารางเมตร
บ่อมีพื้นที่ = 1,600 x 3 = 4,800 ตารางเมตร
ใส่น้ำได้ระดับสูง
จากสูตร ปริมาตรน้ำ = พื้นที่ (พื้นที่ปากบ่อ) X สูง (ความลึก)
= 4,800 x 1.2 = 5,760 ลูกบาศก์เมตร
นั่นคือ บ่อเลี้ยงปลาดังกล่าวมีปริมาตรน้ำ หรือความจุ
3.2 เมื่อบอกความกว้างยาวของปากบ่อ
จากสูตร ปริมาตรน้ำ = กว้าง X ยาว X สูง (ความลึก)
= 60 x 100 x 1 = 6,000 ลูกบาศก์เมตร
นั่นคือ บ่อเลี้ยงกุ้งกุลาดำดังกล่าวมีปริมาตรน้ำ หรือความจุ
4. บ่อซีเมนต์กลม
4.1 บ่อซีเมนต์กลมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตร ใส่น้ำได้ลึก 1 เมตร
จากโจทย์ บ่อมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตร ดังนั้น รัศมี หรือ r จะเท่ากับ 4 เมตร
จากสูตร ปริมาตรน้ำ = ¶ x r2 x h
บ่อจะมีปริมาตร = 22/7 X 4 X 4 X 1
= 50.29 ลูกบาศก์เมตร
นั่นคือ บ่อซีเมนต์กลมดังกล่าวมีปริมาตรน้ำ หรือความจุ
4.2 จะเลี้ยงไรแดงในถังซีเมนต์กลม ซึ่งมีความกว้างที่ปากถัง(เส้นผ่าศูนย์กลาง)เท่ากับ 120 เซนติเมตร โดยจะใส่น้ำระดับสูง 30 เซนติเมตร
จากโจทย์ ถังมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 120 เซนติเมตร ดังนั้น รัศมี หรือ r จะเท่ากับ 60 เซนติเมตร
จากสูตร ปริมาตรน้ำ = ¶ x r2 x h
ถังซีเมนต์จะมีความจุน้ำ = 22/7 X 60 X 60 X 30
= 339,428.57 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ซีซี)
จาก ปริมาตร 1 ลิตร = 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ซีซี)
ถังซีเมนต์จะมีความจุน้ำ = 339,429 /1,000 ลิตร
= 339.43 ลิตร
นั่นคือ ถังซีเมนต์กลมดังกล่าวมีปริมาตรน้ำ หรือความจุ = 339.43 ลิตร
|
จากวิธีการคำนวณปริมาตรน้ำตามที่กล่าวมาแล้ว คราวนี้ลองมาพิจารณาถึงปริมาณน้ำในเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2554 จากรายงานของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ พอสรุปได้ว่าปริมาณน้ำที่เขื่อนต่าง ๆ ดำเนินการพร่องน้ำออกจากเขื่อนมีจำนวนมากมาย โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล พร่องน้ำลงมาไม่น้อยกว่า "หนึ่งหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร" จากรายงานดังกล่าวนี้ประชาชนส่วนใหญ่จะไม่สามารถนึกภาพได้ว่าเป็นมวลน้ำมากมายเพียงใด การที่จะทำให้ประชาชนสร้างภาพได้ว่ามีมวลน้ำมากเพียงใด ควรคำนวณให้เป็นปริมาณน้ำต่อความลึก และต่อเนื้อที่ ซึ่งดำเนินการได้ดังนี้ จากปริมาณน้ำ "หนึ่งหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร" เขียนเป็นตัวเลข = 10,000,000,000 ลูกบาศก์เมตร และจากพื้นที่ 1 ไร่ เท่ากับ 1,600 ตารางเมตร |
ถ้ามีน้ำลึก 1 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะเป็นปริมาณน้ำ = 1,600 X 1 = 1,600 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น น้ำ 10,000,000,000 ลูกบาศก์เมตร ที่ปล่อยมา จะสามารถท่วมพื้นที่ให้ลึก 1 เมตร ได้เป็นพื้นที่ 10,000,000,000 / 1,600 = 6,250,000 ไร่ คิดเป็นตารางกิโลเมตร = 6,250,000 / 625 = 10,000 ตารางกิโลเมตร |
ถ้ามีน้ำลึก 2 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะเป็นปริมาณน้ำ = 1,600 X 2 = 3,200 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น น้ำ 10,000,000,000 ลูกบาศก์เมตร ที่ปล่อยมา จะสามารถท่วมพื้นที่ให้ลึก 2 เมตร ได้เป็นพื้นที่ 10,000,000,000 / 3,200 = 3,125,000 ไร่ คิดเป็นตารางกิโลเมตร = 3,125,000 / 625 = 5,000 ตารางกิโลเมตร |
ถ้ามีน้ำลึก 3 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะเป็นปริมาณน้ำ = 1,600 X 3 = 4,800 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น น้ำ 10,000,000,000 ลูกบาศก์เมตร ที่ปล่อยมา จะสามารถท่วมพื้นที่ให้ลึก 1 เมตร ได้เป็นพื้นที่ 10,000,000,000 / 4,800 = 2,083,333.3 ไร่ คิดเป็นตารางกิโลเมตร = 2,083,333.3 / 625 = 3,333.3 ตารางกิโลเมตร |
กรุงเทพ ฯ มีพื้นที่ทั้งหมด = 1,568.74 ตารางกิโลเมตร
สรุป แค่คิดปริมาณน้ำ เพียง "หนึ่งหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร"
จะเกิดน้ำท่วม ลึก 1 เมตร กินพื้นที่ 10,000 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 6.4 เท่าของพื้นที่กรุงเทพ ฯ
จะเกิดน้ำท่วม ลึก 2 เมตร กินพื้นที่ 5,000 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 3.2 เท่าของพื้นที่กรุงเทพ ฯ
จะเกิดน้ำท่วม ลึก 3 เมตร กินพื้นที่ 3,333.3 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 2.1 เท่าของพื้นที่กรุงเทพ ฯ
|
จากปริมาณน้ำตามที่กล่าวมาแล้ว คงไม่ต้องอธิบายซ้ำว่าทำไมจึงไม่สามารถปกป้องพื้นที่ของจังหวัดต่าง ๆ ที่น้ำไหลหลากผ่านมาได้ ถึงแม้จะพยายามสร้างคันกั้นน้ำสูง 3 - 4 เมตร เพราะอุทกภัยครั้งนี้มีน้ำมากมายเกินกว่าที่จะป้องกันได้ ควรเตรียมเงินและกำลังคนไปทุ่มกับการเตรียมการอพยพ จัดเตรียมศูนย์อพยพ เตรียมของช่วยเหลือให้กับผู้ที่อยู่ดูแลบ้านและทรัพย์สิน เพิ่มกำลังตำรวจ หรือ รปภ.ที่จะช่วยลาดตระเวนดูแลทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งสาเหตุใหญ่ที่ทำให้มีมวลน้ำมากมายไหลหลากลงมาอย่างกระทันหัน น่าจะมีอยู่ 2 ประการ คือ 1. ความผิดปกติของธรรมชาติ ได้แก่การเกิดมรสุม หรือพายุต่าง ๆ ทำให้มีปริมาณฝนมากผิดปกติ 2. การเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่าง ๆ ได้แก่การพยายามเก็บกักน้ำไว้ในอ่างให้มากที่สุด สาเหตุที่ 1 เราคงไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นสาเหตุที่ 2 จะเป็นปัจจัยสำคัญ การบริหารจัดการการเก็บกักน้ำจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากดำเนินการผิดพลาดอีกในอนาคต ก็ควรจะเป็นจำเลยที่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น |
10 พฤศจิกายน 2554 ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณน้ำ จากรายงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่พยายามต่อสู้กับมวลน้ำ จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังมองภาพของปริมาณน้ำไม่ออก ถึงแม้ว่าจะประเมินปริมาณน้ำที่จะมาได้ใกล้เคียง แต่ก็ยังคิดว่าจะสามารถระบายน้ำด้วยคลองระบายน้ำหรือเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ได้ จนมาระยะหลัง ๆ จึงเริ่มออกมาบอกว่าคลองระบายน้ำ ประตูน้ำ และเครื่องสูบน้ำที่เตรียมไว้ มีไว้เพื่อระบายน้ำฝนที่ตกมากในพื้นที่ ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวไม่ผิด แต่พลาดที่มองปริมาณน้ำที่มาไม่ออก ลองมาดูจากภาพอีกทีนะครับ ปริมาณน้ำ(มวลน้ำ) 1 ลูกบาศก์เมตร ถ้าเอามาตั้งเป็นลูกสี่เหลี่ยม จะเป็นลูกสี่เหลี่ยมที่มีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร และสูง 1 เมตร (ดังภาพข้างล่าง) ![]() เครื่องสูบน้ำที่เตรียมไว้ตามข่าวในช่วงแรก ๆ มองจากภาพในข่าวจากสื่อต่าง ๆ จะเห็นว่าท่อส่งน้ำของเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งไว้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 - 12 นิ้ว (หรือเท่ากับ 15 - 30 เซนติเมตร) ลองคิดที่ปากท่อเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว (หรือเท่ากับ 30 เซนติเมตร) หาีพื้นที่ปากท่อ เท่ากับ 0.07 ตารางเมตร (จากพื้นที่วงกลม = ¶ x r2 = 22/7 x .15 x .15 = 0.07 ตารางเมตร) หรือประมาณ 1 ใน 10 ของหน้าตัดของน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร (ดังภาพข้างล่าง) ![]() หรือถ้าคิดถึงน้ำในท่อเครื่องสูบน้ำเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว (หรือเท่ากับ 30 เซนติเมตร) ให้มีน้ำปริมาณ 1 ลูกบาศก์เมตร ท่อจะต้องยาวประมาณ 14.29 เมตร [จากปริมาตรน้ำ = พื้นที่ x สูง(ลึก หรือยาว) นั่นคือ 1 = .07 x สูง(ลึก หรือยาว) ดังนั้น สูง(ลึก หรือยาวของน้ำในท่อ) = 1/.07 = 14.29 เมตร] (ดังภาพข้างล่าง) ![]() 1 วินาที สูบน้ำได้ 1 ลูกบาศก์เมตร 1 นาที (60 วินาที) สูบน้ำได้ 1 x 60 = 60 ลูกบาศก์เมตร 1 ชั่วโมง (60 นาที) สูบน้ำได้ 60 x 60 = 3,600 ลูกบาศก์เมตร 1 วัน (24 ชั่วโมง) สูบน้ำได้ 3,600 x 24 = 86,400 ลูกบาศก์เมตร สรุป เครื่องสูบน้ำ 1 เครื่อง จะสูบน้ำได้วันละ 86,400 ลูกบาศก์เมตร ถ้ามีเครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง จะสูบน้ำได้วันละี 86,400 x 100 = 8,640,000 ลูกบาศก์เมตร ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ ฯ มีน้ำมาประมาณ 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ลองคิดแค่น้ำที่จะต้องสูบออกซัก 500 ล้านลูกบาศก์เมตร เครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง ต้องใช้เวลาในการสูบน้ำ = 500,000,000 / 8,640,000 วัน = 57.9 วัน สรุป เครื่องสูบน้ำที่สามารถสูบน้ำได้ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 100 เครื่อง ใช้ทำการสูบน้ำจำนวน 500 ล้านลูกบาศก์เมตร จะต้องใช้เวลา 57.9 วัน และที่สำคัญ คือ เครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ มีความสามารถในการสูบน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ได้จริงหรือไม่ ![]() ดังนั้นถังไฟเบอร์ในภาพสามารถจุน้ำได้ = กว้าง x ยาว x ความลึก = 1 x 2 x .40 = 0.8 ลูกบาศก์เมตร นั่นคือ ถังไฟเบอร์ในภาพมีความจุน้ำไม่ถึง 1 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น เครื่องสูบน้ำขนาดท่อ 12 นิ้ว หรือขนาดท่อประมาณขนาดปากถังน้ำที่วางอยู่บนขอบถังไฟเบอร์ ถ้ามีความสามารถสูบน้ำได้วินาทีละ 1 ลูกบาศก์เมตร แสดงว่าเมื่อจ่อท่อสูบน้ำลงในถังไฟเบอร์แล้วเปิดเครื่องสูบน้ำ เพียงกระพริบตาติดกัน 2 ครั้ง( 1 วินาที) น้ำจะต้องล้นถังไฟเบอร์ในภาพทันที ลองคิดดูนะครับเครื่องสูบน้ำที่นำมาติดตั้งในแต่ละแห่ง จะสูบน้ำได้ทันกับที่ต้องการหรือไม่ . ที่มา https://home.kku.ac.th/pracha/Calculation%20of%20the%20Amount%20of%20Water.htm |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น