หูฟังไร้สาย ราคาถูก ราคาไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อไหนดี 2022 รีวิว 10 ยี่ห้อ
+ “หูฟังไร้สาย ราคาถูก ราคาไม่เกิน 1,000 บาท” ยี่ห้อไหนดี 2022 รีวิว 10 ยี่ห้อ +
หูฟังไร้สาย ราคาถูก ถือเป็นของที่ตอบโจทย์สำหรับคนซุ่มซ่าม ทำหล่นบ่อย ทำหายก็โคตรบ่อย หรือเวลาแบตเสื่อมจะซื้ออันใหม่ก็ไม่เสียดายอันเก่า เพราะราคาไม่แพง เป็นที่ถูกใจของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะน้อง ๆ นักศึกษาที่ยังต้องขอเงินคุณพ่อคุณแม่ หรือเพิ่งเรียนจบ เพิ่งจะเริ่มทำงาน จะให้ซื้อหูฟังเทพ ๆ ราคาแรง ๆ ก็ไม่ไหว วันนี้ผมจึงจะขอมาแนะนำ หูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1000 บาท ยี่ห้อที่น่าสนใจให้ได้ทราบกันนะครับ จะมีรุ่นไหนน่าโดน รุ่นไหนดีไซน์เด็ด หรือสเปคต่าง ๆ จะดีงามเกินราคาแค่ไหน แบตใช้งานได้ยาวนานไหม เหมาะสำหรับการเล่นเกมหรือเปล่า มาชมรีวิวกันได้เลยครับผม
วิธีการเลือกซื้อ หูฟังไร้สายราคาถูก ไม่เกิน 1000 บาท
หูฟังไร้สาย ราคาถูก ด้วยราคาไม่เกิน 1000 บาท จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบทำของหายบ่อย หรือพวกเด็ก ๆ ที่ไม่ค่อยรักษาของกันด้วย ถึงจะทำตกหายไป พังไป หรือแบตเสื่อม ก็จะได้ไม่เจ็บใจมากเท่าพวกยี่ห้อ Top หรือแพง ๆ ครับ แถมเดี๋ยวนี้แต่ละยี่ห้อก็แข่งขันในเรื่องคุณภาพเสียงกันมาก ๆ ถ้าแค่ซื้อฟังเพลง หลายรุ่นเสียงดีเลยทีเดียว แตกต่างกันตรงสไตล์เสียงทุ้ม-แหลม ที่แต่ละคนอาจจะชอบไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณซื้อไว้คุยโทรศัพท์ หรือเล่นเกม อาจจะต้องพิจารณาเรื่องอื่นเพิ่ม
เน้นคุยโทรศัพท์ ลองดูรุ่นที่มีไมค์ตัดเสียงรบกวนภายนอก ENC (Environment Noise Cancellation) แต่ถ้าอยากได้เสียงคุยชัด ๆ มีความแหลมคมอาจจะต้องดูรุ่นที่แพงกว่า
เน้นเล่นเกม ลองดูรุ่นที่มีโหมดหรือฟังก์ชั่นลดอาการดีเลย์ ที่ถูกดีไซน์มาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ ช่วยลดปัญหาเสียงกับภาพในเกมไม่สัมพันธ์กัน
เน้นใช้ยาวนาน ต้องดูระยะเวลาใช้งาน ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งใช้ได้กี่ชั่วโมง เมื่อเก็บลงกล่องแล้ว ตัวกล่องสามารถชาร์จเพิ่มได้อีกกี่ชั่วโมง
เลือก Ear-Bud จะใส่สบายหู ใส่นาน ๆ ได้ดีกว่า เสียงรอบ ๆ ยังได้ยินบ้าง แต่ก็มีข้อเสียตรงอาจจะหลุดได้ง่ายกว่าแบบ In-Ear
เลือก In-Ear จะแน่นกว่า หลุดยากกว่า เสียงดีกว่าโดยเฉพาะเสียงเบส ช่วยลดเสียงรอบ ๆ ได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียตรงใส่นาน ๆ จะเจ็บหูได้
นอกจากนี้ถ้าใครคิดว่าอาจจะต้องใส่เดินตากฝนในวันที่ลืมร่ม ลองเลือกรุ่นที่มีความสามารถในการกันน้ำระดับ IPX7 ก็ดีครับ ไม่น่าเชื่อว่าหูฟัง True Wirelss ราคาไม่เกิน 1000 บาท ในยุคนี้จะให้ได้มากขนาดนี้
ตารางเปรียบเทียบรีวิว “หูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 1000 บาท”
อยากดูข้อมูลของสินค้าแต่ละยี่ห้อแบบสรุป ๆ อ่านง่าย วางเรียงเปรียบเทียบสเปค ทั้งลักษณะหูฟัง, ไมค์ตัดเสียงรบกวน, ความสามารถในการกันน้ำ, แบตเตอรี่, ราคา และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลยครับ
1. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ยี่ห้อ Xiaomi Redmi รุ่น Airdots 3
ราคาโดยประมาณ 1,299 บาท
Xiaomi Redmi Airdots 3 หูฟัง True Wireless สุดคุ้ม รุ่นล่าสุดจาก Xiaomi ที่ได้ออกมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่า ได้มีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นจะอยู่ที่การใช้ชิปจาก Qualcomm และรองรับการเข้ารหัสสัญญาณแบบ aptX ทำให้คุณภาพเสียงอยู่ในระดับที่ดีมาก อีกทั้งยังมีระบบ Noise Reduction ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้างเวลาใช้งานตอนโทรศัพท์ ซึ่งหาได้ยากมาก ๆ สำหรับหูฟังในกลุ่มราคาประมาณ 1000 บาท แต่ถ้างบไม่พอ ไปซื้อ Xiaomi Redmi Airdots 2 ก็ได้ ลดราคาเหลือเพียงแค่ประมาณ 500 บาทเท่านั้นเองครับ
โดยตัวหูฟัง ก็มีการแยกไดร์เวอร์ถึง 2 ไดร์เวอร์ ทำให้สามารถแยกเสียงของเสียงกลางและเสียงแหลมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังลดการดีเลย์เวลาดูหนังหรือเล่นเกมได้อีกด้วย จึงเหมาะกับคนชอบใช้หูฟังทำกิจกรรมมาก นอกจากนี้แบตเตอรี่ก็อึดสุด ๆ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 7 ชั่วโมง! เลยทีเดียว (ถ้ารวมเคสจะนานถึง 25-27 ชั่วโมง) ส่วนเรื่องการกันน้ำจะทำได้ที่ IPX4 จึงสามารถใส่ออกกำลังกายบนบกได้ และที่ชอบอีกอย่างนึงก็คือ เซนเซอร์การตรวจจับการสวมใส่ที่ทาง Xiaomi ได้เพิ่มมาให้ ทำให้เราไม่ต้องคอยปิดเปิดเพลงหรือคลิปวิดีโอทางจากมาร์ทโฟน เพียงแค่ถอดหูฟังตัวเพลงหรือวิดีโอที่เล่นอยู่ก็จะดับไปเอง ใช้งานง่ายมาก ๆ เลยครับ
ประเภทหูฟัง | In-ear |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✘ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.2 |
ระดับการกันน้ำ | IPX 4 ใส่ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 7 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย |
2. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ยี่ห้อ Zmi Purpods รุ่น TWS101
ราคาโดยประมาณ 1,290 บาท
ใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายระดับพระกาฬ ใช้งานดี คุ้มค่าเกินราคา ต้องขอแนะนำ Zmi Purpods รุ่น TWS101 ตัวนี้เลยครับ ซึ่งเอาจริง ๆ รุ่นนี้ จะเป็นรุ่นที่รองลงมาจากรุ่น Zmi Purpods Pro แต่ด้วยสเปคและคุณภาพที่เรียกได้ว่า แทบจะถอดแบบกันมาเลยทีเดียว (แต่ในราคาที่ต่ำกว่าครึ่ง!) โดยจุดเด่นหลัก ๆ ก็คือ “เสียง” เพราะให้เสียงที่ดีมากกก แทบจะไม่ต่างกับตัว Pro ให้แนวเสียงที่นุ่มนวล รายละเอียดเสียงทำได้ดี ไม่มีเสียงปลายให้บาดหู และเสียงเบสปริมาณกลาง ๆ ไม่เยอะมาก เบสนุ่ม ไม่ได้แน่นหรือหนักมากนัก เน้นฟังสบาย ๆ เรื่อย ๆ เสียงกลางชัดเจนดีเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกถอยหลังแต่อย่างใด จึงเหมาะกับการฟังเพลงทั่ว ๆ ไป มาก ๆ ครับ
และอีกฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือ การปรับเอฟเฟคเสียงในแอปพลิเคชั่น เนื่องจากหูฟังไร้สายในกลุ่มราคาถูกเนี่ย จะมีเพียงไม่กี่รุ่นที่จะสามารถปรับเสียงต่าง ๆ ได้ ทำให้เพื่อน ๆ เวลาฟังเพลงต่าง ๆ ก็จัด ปรับ แต่งเอฟเฟคเสียงตามสไตล์ที่ชอบได้เลย หรือจะเลือกโหมดปรับเสียงอัตโนมัติที่จะทำให้ตัวหูฟังเพิ่มลดระดับเสียงเพลงที่เราฟังอยู่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์รอบตัว ทำให้หูของเราไม่รับภาระหนักจนเกินไป ปลอดภัย และสบายต่อการใช้งาน ส่วนไมค์โครโฟนก็สามารถใช้งานได้จริง มีเสียงดังฟังชัด ใช้เล่นเกมหรือคุยโทรศัพท์แทบจะไม่มีดีเลย์หรือติดขัดเลย คือถ้าอยากจะได้หูฟังไร้สายราคาถูก ราคาประมาณ 1,000 บาท ละก็ ตัวนี้โคตรคุ้มครับ
ประเภทหูฟัง | In-ear |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.2 |
ระดับการกันน้ำ | IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 10 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
3. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ 1MORE Omthing Airfree True Wireless In-Ear
ราคาโดยประมาณ 549 บาท
1MORE Omthing Airfree หูฟังไร้สายราคาถูกที่มีจุดเด่นในเรื่องของ “เสียง” เช่นเดียวกันกับ Zmi Purpods โดยให้ความละเอียด และมีความลงตัวทั้งเสียงทุ้มกับเสียงแหลมกลาง ซึ่งแยกชั้นเสียงอย่างชัดเจน อีกทั้งเสียงเบสเอง ก็มาเป็นลูกแบบนุ่มนวล จึงเหมาะกับการฟังเพลงต่าง ๆ และที่พิเศษกว่า หูฟังไร้สายราคาถูกยี่ห้ออื่น ๆ ก็คือ มีระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก ที่ถึงแม้จะไม่ได้ตัดเสียงรบกวนแบบ 100% อย่างหูฟังไร้สายราคาแพง แต่ก็ยังสามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้บ้าง (ทำได้ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับราคาไม่เกิน 1,000 บาท) ทำให้รู้สึกว่า เสียงจากภายนอกไม่เข้ามารบกวนการฟังเพลงของเรามากนักครับ
และด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 4 กรัม ขนาดเล็กกะทัดรัด ทรง in-ear ก็ทำให้สวมใส่ได้อย่างกระชับ เข้ากับรูหูได้ดี จึงหลุดได้ค่อนข้างยากแม้จะขยับตัว อีกทั้งตัวหูฟังเอง ก็ยังสามารถกันน้ำกันเหงื่อ รวมถึงฝุ่นต่าง ๆ ได้ดี จึงหมดห่วงสำหรับเพื่อน ๆ ที่ชอบออกกำลังกายทั้งแบบ indoor และ outdoor แต่ No ว่ายน้ำนะครับ ส่วนจุดเด่นอีกอย่างนึงก็คือ ไมโครโฟน ด้วยการที่มีไมค์สองตัวอยู่ในหูฟัง ทำให้เสียงที่ออกมานั้นเสียงดัง ฟังชัด แทบจะไม่ดีเลย์เลย ก็ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกขนาดนี้ มาพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่มากขนาดนี้ ก็ทำให้เป็นหูฟังไร้สายราคาถูกอีกหนึ่งยี่ห้อ ที่น่าเล่นมากครับ
ประเภทหูฟัง | In-ear |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | กันน้ำได้ ใส่ได้ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 4 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
4. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ 1MORE Omthing Airfree Pods
ราคาโดยประมาณ 999 บาท
มาดูหูฟังไร้สาย 1MORE กันอีกสักรุ่นกับ Omthing Airfree PodsTrue ที่ครั้งนี้มาในรูปแบบของ Ear-Bud Pods หรือแบบทรงก้าน จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบใส่หูฟังแบบสบาย ๆ ไม่ชอบเจ็บรูหูเหมือนแบบ in-ear และด้วยราคาที่สูงขึ้นกว่า 1MORE ตัวด้านบน ทำให้การใช้งานทั้งในเรื่องของเสียงและฟีเจอร์ต่าง ๆ จึงทำออกมาได้ดีกว่าอยู่เท่าตัว โดยเฉพาะเรื่องของเสียงที่คุณภาพเพิ่มไปอีกระดับ ด้วยไดรเวอร์ลำโพงที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงทำให้เสียงโดยรวมคุณภาพดี โดยเฉพาะย่านเสียงเบส เหมาะกับการฟังเพลงจังหวะสนุก ๆ edm, pop, rock ต่าง ๆ ครับ
นอกจากนี้ตัวหูฟังเอง ก็สามารถทำงานแยกข้างกันซ้ายขวาได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถใช้หูฟังข้างใดข้างนึงฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ก็ได้ ส่วนแบตเตอรี่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง กำลังดี ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุดแน่นอน อีกทั้งเรื่องของการชาร์จแบตของตัวเคส ก็รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ก็ช่วยให้สะดวกดี แต่ข้อเสียอย่างนึงก็คือ ไฟบอกสถานะการชาร์จที่อยู่ในตัวเคส ทำให้ต้องคอยเปิดดูว่า ชาร์จเต็มรึยัง อาจจะงง ๆ กันได้บ้างเล็กน้อย (แต่ก็วาง ๆ ชาร์จ ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวมันก็เต็มเองครับ) ก็ถ้าเพื่อน ๆ กำลังอยากได้หูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 1,000 บาท ที่ใส่สบายรูหู และมีหลากหลายสีสันให้เลือก หูฟังไร้สายตัวนี้ ตอบโจทย์เลยครับ
ประเภทหูฟัง | Ear-bud |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | กันน้ำได้ ใส่ได้ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 5 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
5. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ SoundPEATS MAC
ราคาโดยประมาณ 699 บาท
SoundPEATS MAC เป็นหูฟังไร้สายราคาถูกอีกหนึ่งยี่ห้อ ที่ดีไซน์ออกมาได้แปลก สวย เด่น ด้วยเคสทรงกลมที่ไม่เหมือนใคร และยังเป็นตัวจบในราคาไม่ถึงพัน ทำให้เป็นหูฟังไร้สายที่คุ้มค่ามากในย่านนี้ ด้วยฟีเจอร์มากมายที่สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 9 ชั่วโมง! และการกันน้ำก็ทำได้ถึงระดับ IPX7 ซึ่งสามารถใส่ออกกำลังกายได้อย่างสบาย ๆ อีกทั้งตัวหูฟังยังสามารถแยกข้างได้อย่างอิสระ มีระบบควบคุมด้วยการทัชสกรีน และการเชื่อมต่อที่เสถียรมาก แทบไม่มีหลุดหรือดีเลย์ ทำให้หูฟังไร้สาย SoundPEATS MAC เป็นตัวที่ครบเครื่องมาก ๆ คุ้มค่าในราคาไม่เกิน 1,000 บาท ครับ
ส่วนตัวหูฟัง ก็จะค่อนข้างแปลกกว่าใคร เพราะเป็นแบบ in-ear แต่เป็นทรงแบบแท่งยาวหรือแบบก้าน (ปกติจะเจอแบบ in-ear ที่มีแค่เฉพาะตัวหูฟังเท่านั้น) ด้วยการที่เป็น In-ear จึงช่วยให้ใส่แล้วกระชับ ไม่หลุดออกได้ง่าย ๆ รวมถึงตัวก้านก็ทำให้ใส่แล้วดูแปลกตา ดูมีดีเทล และตัวไมโครโฟนเอง ก็สามารถช่วยดูดเสียงพูดและตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดี ทำให้ไม่ติดขัดเวลาพูดคุยมากนัก และที่สำคัญเรื่องเสียงก็จัดว่าจัดจ้าน ให้เบสหนักถึงใจ ลูกใหญ่มวลแน่น แต่ก็ไม่กลบย่านอื่นจนเกินไป เสียงสูงและกลางก็ให้รายละเอียดที่ครบครันเหมาะแก่การฟังเพลงทุกแนวด้วย สรุปแล้ว หูฟังไร้สาย SoundPEATS MAC ถือเป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับคนเริ่มเล่นหูฟังไร้สายราคาถูกเลยครับ
ประเภทหูฟัง | In-ear |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | IPX7 ใส่ออกกำลังกายได้ ลุยฝนได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 9 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
6. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ Xiaomi Mi True Wireless Earphones 2 Basic
ราคาโดยประมาณ 779 บาท
ถ้าพูดถึงหูฟังไร้สายของยี่ห้อ Xiaomi เขาก็มีกันหลากหลายรุ่นให้เลือกซื้อเลยแหละครับ (อย่างตัวแรกที่ได้รีวิวไป) โดยอีกรุ่นที่น่าสนใจ ก็คงต้องยกให้กับ Mi True Wireless Earphones 2 Basic ที่ออกแบบมาในรูปทรงของ ear-pod แบบก้าน ทำให้สวมใส่สบายมาก ใส่นานแค่ไหนก็ไม่เจ็บรูหู อีกทั้งด้วยดีไซน์กับรูปทรงสีขาวสไตล์มินิมอลตามแบบฉบับของ Xiaomi ทั้งตัวเคสและตัวหูฟัง ทำให้รวม ๆ ดูสวย และรู้สึกน่าใช้งานมาก ๆ แต่ถ้าเป็นคนชอบสีสัน ก็คงไม่เหมาะนัก ส่วนด้านฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ไม่น้อยหน้าการดีไซน์ สามารถใส่ฟังเพลง เล่นเกม พูดคุยโทรศัพท์ วางสายรับสายได้จากตัวหูฟังเลยครับ
ส่วนทางด้านเรื่องเสียง ก็ต้องบอกว่า อาจจะไม่ได้โดนเด่นไปในทิศทางใดทิศทางนึง เสียงในทุกย่านค่อนข้างบาลานซ์กัน แต่ก็ไม่ถึงกับฟังไม่สนุก ยังสามารถฟังเพลงทั่ว ๆ ไปอย่างพวก pop, rock ได้ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ชอบใช้หูฟังในการพูดคุย เน้นใช้งานในการพูดโทรศัพท์ หรือเปิดวิดีโอคอล หูฟังไร้สายตัวนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะมีการดีเลย์ที่ค่อนข้างน้อยหรือแทบจะไม่มี จึงทำให้การพูดคุยเสียงไม่ดับ ๆ หาย ๆ อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง ให้พูดคุยกันจนปวดคอไปได้เลย ก็ถ้าเพื่อน ๆ เน้นหูฟังไร้สายราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ใช้ฟังเพลงสบาย ๆ และเน้นการพูดคุยเป็นหลัก Xiaomi ตัวนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ
Mi True Wireless Earphones 2 Basic เป็นเวอร์ชั่น Global แต่ Mi Air 2 SE เป็นเวอร์ชั่น จีน ดังนั้น Mi Air 2 SE จะไม่ได้รับประกันโดยศูนย์บริการ Xiaomi ในไทยครับ
ประเภทหูฟัง | Ear-bud |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | กันน้ำได้ ใส่ได้ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 5 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | เล่นเกม ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
7. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ HOCO DES03
ราคาโดยประมาณ 289 บาท
หูฟัง HOCO DES03 เป็นหูฟังอีกตัวนึงที่จัดว่าราคาถูกมาก ๆ ประมาณ 300-500 บาทเท่านั้น (โคตรแห่งความถูก) จึงเหมาะสำหรับคนงบจำกัดที่อยากลองเริ่มเล่นหรือลองหูฟังไร้สายดู หรืออยากจะซื้อไปให้เด็ก ๆ ที่บ้านได้ใช้กันครับ โดยตัวหูฟังก็เป็นแบบ ear-pod สีขาวสวยงาม ดูรูปทรงเหมือนกับ Airpod เลยทีเดียว แต่ถึงราคาจะถูก วัสดุทั้งตัวหูฟังและเคสที่ให้นั้น ก็ยังใช้วัสดุที่ดี คงทน เหมาะสมกับราคา ส่วนตัวฝาของเคสหูฟังก็ยังเป็นแบบแม่เหล็กเหมือนรุ่นแพง ๆ ก่อนหน้านี้ เท่านั้นไม่พอ ยังมีระบบรองรับการสัมผัส เพื่อควบคุมการใช้งานอีกด้วย ฟีเจอร์เกินขนาดและราคาไปมากครับ
อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่ถูก ทำให้เสียงที่ได้นั้น ก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก ค่อนไปทางแบน ๆ ราบ ๆ ไม่ได้ให้มวลของเสียงดนตรีเท่าที่ควร อาจจะเพราะด้วยตัวซอฟท์แวร์ที่แปรผันตามราคา ทำให้คุณภาพของเสียงโดยรวมจึงทำได้แค่นี้ แต่ก็ยังถือว่า อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ส่วนเรื่องฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เด่น ๆ ก็จะมี ระบบ Auto-Paring เชื่อมต่อกันเองอัตโนมัติ มีระบบสัมผัสควบคุมคำสั่ง กันน้ำได้บ้าง ส่วนแบตเตอรี่จะใช้งานได้ที่ 3 ชั่วโมง ก็ค่อนข้างน้อยกว่า เมื่อเทียบกับหูฟังไร้สายราคาถูกยี่ห้ออื่น ๆ ก็ถ้าให้สรุปละก็ เป็นหูฟังไร้สายที่เหมาะสำหรับคนงบน้อยเท่านั้น ถ้ามีงบเพิ่มขึ้น แนะนำไปเล่นตัวอื่น ๆ เสียงจะดีกว่าครับ
ประเภทหูฟัง | Ear-bud |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✘ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | กันน้ำได้แต่ไม่ควรใส่ออกกำลังกาย |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 3 ชม. + เคส 15 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ดูหนัง ฟังเพลง |
8. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ Lenovo XG01 LED
ราคาโดยประมาณ 699 บาท
สำหรับใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายราคาถูกสำหรับใช้เล่นเกมโดยเฉพาะ ใครที่เป็นชาวเกมเมอร์ ผมอยากให้ลอง Lenovo XG01 LED จากแบรนด์ Lenovo แบรนด์คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊คชื่อดังที่เราน่ารู้จักกันดีครับ ก็อย่างแรกที่สังเกตได้เห็นก่อนเลยก็คือ การออกแบบที่ดูแปลกตา ดูดุดัน และแอบดูเหมาะสำหรับสายเกมมิ่งเอามาก ๆ โดยจะมีสีดำ, ขาว และสีชมพูให้เลือกใช้ตามความชอบกันด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีไฟ Led ที่ตัวหูฟัง ทำให้เป็นหูฟังไร้สายที่ดูโฉบเฉี่ยวน่าใช้งาน และน่าใช้เล่นเกมแบบสุด ๆ เลยครับ
และนอกจากเรื่องการดีไซน์แล้ว พวกฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ทำออกมาเหมาะสำหรับการเล่นเกมด้วย เช่น หูฟังแบบ ear-bud ทำให้สวมใส่สบายไม่เจ็บหู เหมาะสำหรับการใส่เป็นเวลานาน แบตเตอรี่ก็ใช้ได้ถึง 4 ชั่วโมง ช่วยทำให้เล่นเกมได้นานอยู่ และที่สำคัญ การเกิดดีเลย์น้อยมาก ๆ หรือแทบไม่มีเลย ทำให้เสียงที่ได้ยินเวลาเล่นเกมเป็นเสียงที่ดังฟังชัด ให้รายละเอียดของตัวเกมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นตอนเดิน ตอนเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งฉากต่าง ๆ ก็ได้ยินครบถ้วน แต่ด้านการฟังเพลงอาจจะไม่โดดเด่นมากนัก ให้เสียงทั่วไปไม่หวือหวา แต่ก็ยังสามารถฟังได้อย่างสบายอยู่ รวม ๆ ก็จะเป็นหูฟังไร้สายที่เหมาะสำหรับสายเกมมิ่งมากกว่าครับ
ประเภทหูฟัง | Ear-bud |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | กันน้ำได้แต่ไม่ควรใส่ออกกำลังกาย |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 4 ชม. + เคส 15 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมโดยเฉพาะ |
9. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ KZ S1 S1D
ราคาโดยประมาณ 790 บาท
ค่าย KZ ถือเป็นแบรนด์หูฟังน้องใหม่ ที่ตอนนี้หันมาทำตลาดหูฟังไร้สายมากขึ้น โดยล่าสุดก็ได้ออกหูฟังไร้สายให้กับคนเล่นเกมโดยเฉพาะ นั่นก็คือรุ่น KZ S1 S1D ที่ได้มีการเพิ่มการซัพพอร์ทโหมดเกมมิ่ง ซึ่งจะช่วยลดอาการดีเลย์ให้เหลือน้อยมาก จนถึงไม่มีการดีเลย์กันเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้มีการเพิ่มไดรเวอร์ถึง 2 ไดรเวอร์ ทำให้เสียงที่ออกมา มีเสียงออกมาครบทุกย่าน เสียงใสเคลียร์ เวทีเสียงกว้างขวางจัดตำแหน่งได้ดีมาก ทำให้การฟังเพลงหรือเล่นเกมสนุกมากยิ่งขึ้น และยังสามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้อย่างครบถ้วนครับ
และโดยส่วนตัว ฟีเจอร์ที่ผมชอบมาก ๆ อีกอย่างก็คือ เมื่อเราแตะหูฟัง 3 ครั้ง ตัวหูฟังก็จะเข้าสู่โหมดเกมมิ่งให้เรา เป็นสัญญาณอันบอกว่า เราพร้อมจะเล่นเกมแล้ว สมกับเป็นหูฟังไร้สายสำหรับเกมเมอร์ดี อย่างไรก็ตาม ตัวหูฟังดันออกแบบมาเป็น in-ear ที่ต้องยัดเข้ารูหู ถ้าเป็นสายเกมมิ่งแท้ ก็อาจจะชอบ เพราะได้ยินเสียงเกมแบบเต็ม ๆ ได้ยินเสียงคุยกันกับเพื่อน ๆ ได้อย่างชัดเจนด้วย แต่สำหรับบางคนก็อาจจะไม่ชอบ เพราะทำให้ปวดรูหูได้ ส่วนแบตเตอรี่เอง ก็ให้มาค่อนข้างน้อยเพียงแค่ 3 ชั่วโมง เท่านั้น ถ้าเป็นสายเกมมิ่งที่ชอบเล่นเกมนาน ๆ ก็อาจจะไม่ชอบใจเท่าไร แต่ถ้าเน้นเรื่องคุณภาพของเสียง อยากเล่นเกมแบบมันส์ ๆ ละก็ จัด KZ เลยครับ
ประเภทหูฟัง | In-ear |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.0 |
ระดับการกันน้ำ | กันน้ำได้ ใส่ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 3 ชม. + เคส 15 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | เล่นเกม ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
10. หูฟังไร้สาย ราคาถูก ไม่เกิน 1,000 บาท ยี่ห้อ QCY M18
ราคาโดยประมาณ 599 บาท
QCY M18 หูฟังไร้สายราคาถูกทรง ear-bud ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย สไตล์มินิมอลเหมาะกับคนรุ่นใหม่ หูฟัง QCY M18 นั้นจึงเป็นที่นิยมมาก และนอกจากดีไซน์ที่สวยงาม มาในโทนสีขาวที่ดูเหมือนกับ Airpod ของแอปเปิ้ลแล้ว ยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อีกมากมายที่น่าใช้ เช่น สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นได้ เข้าไปปรับแต่งโทนเสียงของหูฟังหรือการตั้งค่าต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นได้ เล่นหรือหยุดเพลงจากหูฟัง เพิ่มลดเสียง รับและวางสาย และยังสามารถเรียก siri หรือ google assistance จากตัวหูฟังได้อีกด้วย
และสิ่งที่ชอบมากที่สุด คือระบบ Boost mode เพียงแค่แตะหูฟัง 3 ครั้ง ก็จะทำการเข้าสู่ Boost mode จะทำให้หูฟังของเรานั้นทำงานได้ดีขึ้น เสียงที่ออกมาจะมีไดนามิคและฮาโมนี่ที่เพิ่มมากขึ้น เพลงก็ฟังเพราะขึ้น มีการแยกรายละเอียดและเวทีเสียงต่าง ๆ ได้ดีขึ้น คือถ้าเปิดแล้ว แทบจะไม่ปิดกันเลยครับ แต่การเปิด Boost mode ก็ต้องแลกมากับการที่แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเรายังสามารถชาร์จแบตกับเคสได้ ส่วนด้านไมโครโฟนยังถือว่าทำได้ไม่ค่อยดีถ้าเทียบกับรุ่นอื่น ๆ อาจจะมีอาการเสียงเบาหรือขาดหายไปบ้าง ยิ่งถ้าไปใช้คุยกลางแจ้งจะไม่เหมาะเท่าไรนัก แต่ถ้าเทียบกับราคาที่สามารถต่อกับแอปพลิเคชั่นได้ เปิดใช้งาน Boost mode ได้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหูฟังไร้สายราคาถูก ราคาไม่เกิน 1,000 บาท ที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ
ประเภทหูฟัง | Ear-bud |
ไมค์ตัดเสียงรบกวน | ✓ |
การเชื่อมหูฟัง | Bluetooth 5.1 |
ระดับการกันน้ำ | IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้ |
ระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จ | 4 ชม. + เคส 20 ชม. |
เหมาะกับการใช้งานแนวไหน | ฟังเพลง ออกกำลังกาย พูดคุย outdoor |
เพื่อน ๆ ได้เห็นรีวิว “หูฟังไร้สาย ราคาถูก ราคาไม่เกิน 1,000 บาท” ยี่ห้อไหนดี จนจบแล้วถึง 10 ยี่ห้อด้วยกัน ไม่ทราบว่า สนใจอยากจะซื้อหูฟังไร้สายตัวไหนไปใช้งานกันบ้างครับ??? ในราคาประมาณนี้ แล้วได้คุณภาพเสียงที่ดีเกินราคาขนาดนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคาใช้ได้เลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณภาพเสียงในการสนทนาหรือใช้เป็นไมค์บันทึกเสียง คงไม่สามารถสู้กับรุ่นแพง ๆ ได้ ถ้าอยากได้เสียงเทพมาก แนะนำหูฟังไร้สายตัว Top หรือรุ่นที่มีราคาที่แพงกว่านี้ ส่วนรุ่นที่ราคาย่อมเยา ก็เน้นใช้ฟังเพลง ดูหนัง เหมาะสำหรับคนที่มีงบน้อย อยากประหยัด หรือคนที่ชอบทำหายบ่อย ๆ จะได้ไม่เสียดายครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น